มารยาทในการกล่าว "ขอบคุณ" มากกว่า "ขอโทษ" (Learn to say "thank you" more than "sorry")



เรื่องนี้อาจเป็นแค่ความรู้สึกและนิสัยส่วนตัวของผู้เขียน ที่ว่าติดนิสัยในการพูด "ขอโทษ (sorry)" ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะในเวลาที่ตกใจ รู้สึกเกรงใจ รู้สึกขอบคุณเวลาคนให้ของ และอื่นๆ ก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนติดการพูดขอโทษมากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่บางที ก็ไม่ได้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเราไปทำอะไรผิดมาถึงขั้นต้องไปพูดขอโทษขอโพยชาวบ้านเขา

มีอยู่วันนึง โดนคุณสามีตบกะโหลกว่า "ทำไมเธอชอบพูดขอโทษตลอดเวลา Why you have to say sorry all the time?"

เราก็เพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เออ หรือเราพูดบ่อยไปนะ

จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนญี่ปุ่นคนหนึ่ง ซึ่งก็ย้ายมาอยู่แอลเอใหม่ๆ เหมือนกัน ได้เข้าเรื่องคุยกันว่า มีความแตกต่างอะไรบ้างระหว่างการใช้ชีวิตที่นี่กับที่ญี่ปุ่น

ชีก็พูดคำๆ หนึ่งขึ้นมาว่า  "ฉันรู้สึกว่า คนที่นี่พูดคำว่าขอบคุณมากกว่าคำว่าขอโทษเยอะเลย I have learnt to say THANK YOU more than saying SORRY here "

เราก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่า เอออออออ เนอะ ไม่เคยนึกถึงเลย

ขอเกริ่นนิดนึงเรื่องว่า ความที่ตัวเองไปอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน เลยติดนิสัยที่จะพูดคำว่า "ซุมิมาเซน (Sumimasen)" ซึ่งแปลเป็นไทยว่า "ขอโทษ ฉันรู้สึกเกรงใจจริงๆ" อย่างมากๆ ไม่ว่าจะหลายกรณี ซึ่งมันไม่ได้แปลว่าขอโทษอย่างลึกซึ้งจากใจ แปลเป็นอังกฤษออกมาจะคล้ายคำว่า Excuse me + sorry หน่อยๆ เวลาต้องเดินตัดหน้าชาวบ้าน เวลาคนที่ให้ของเรามา ต่างๆ

อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้เลยทำให้ผู้เขียน ซึมซับการพูดขอโทษออกมากอย่างมาก

จากนั้นเป็นต้นมาเราเลยเริ่มสังเกต ว่าคนอเมริกันนี่ก็พูดขอบคุณกันบ่อยมากจริงๆ (บางทีออกจะโอเว่อร์แอคติ้งนิดๆ แบบ แต๊งงงงงง กิ้วววววววววววว เสียงสูง ออกมาจากปอด)

ชอบเวลาที่ผู้โดยสารบางคนตะโกนเสียงดังให้คนขับรถได้ยิน ก่อนลงจากรถ ว่า "ขอบคุณมาก (ที่ขับรถให้)"

ชอบเวลาผู้โดยสารลงจากอูเบอร์ แล้วบอกคนขับรถว่า "ขอบคุณมากที่เสียสละเวลามาส่งนะ"

เวลาที่คนชมเรา เราก็น้อมรับอย่างเต็มใจไปเถอะว่า "ขอบคุณมาก ฉันดีใจที่ได้ยินจริงๆ" ไม่ใช่มานั่งเกรงใจถ่อมตัว ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้เก่งอย่างที่คุณว่าหรอก คนไทยจะติดนิสัยเขิน ขึ้เกรงใจในจุดนี้เวลามีคนชม บางทีฝรั่งงง จะมานั่งปฏิเสธทำไม

เวลาคนให้ของ ก็บอก ขอบคุณ พร้อมใส่ความเว่อร์ไปอีกนิดแบบฝรั่ง This is awesome ! กันให้ชิน ไม่ใช่ว่ามานั่งเกรงใจ บอก ฉันรับของคุณไม่ได้หรอก เกรงใจ

ตัวเองก็เริ่มมาฝึกพูดขอบคุณจากใจบ่อยขึ้น ก็เริ่มรู้สึกชีวิตเปลี่ยน

เพราะลึกๆ แล้วทุกคนอยากได้รับได้ฟังคำนี้ เขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำนี่มันเท่มากๆ แค่นี้เขาก็พอใจกันแล้ว

แล้วอีกอย่างที่ยิ่งตอกย้ำว่าการขอบคุณเป็นเรื่องที่สำคัญก็คือ การส่งจดหมายขอบคุณ โดยเฉพาะเวลาได้รับของที่ส่งทางไกลมาจากผู้ใหญ่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณแม่สามีเน้นมากๆ หลังจากที่เราได้จัดงานแต่งงานไปสองรอบ

"ส่งจดหมายขอบคุณให้แขกแล้วหรือยัง" เราไม่เคยนึกมาก่อน เพราะไม่เห็นที่เมืองไทยเขาทำกัน ขอบคุณกันในงานก็จบ

แต่ที่นี่ การส่งจดหมายตามหลังงานไปอีกที แสดงความใส่ใจให้กับแขกที่มาร่วมงานเราจริงๆ

ทุกคนลองดูกันสิคะ การพูดขอบคุณ จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับคนรอบข้างได้เยอะเลย แล้วพวกเขาก็จะรักคุณมากขึ้นด้วย ^^




0 comments